ในปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี ทำให้กลายเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสวนทางกับอัตราการเกิดของเด็กทารกที่ลดน้อยลง นอกจากปัญหาของผู้สูงอายุในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและโครงสร้างภายในประเทศแล้ว การที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากทำให้เกิดเป็นปัญหาผู้สูงอายุในชุมชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในแต่ละครอบครัวจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด อันเนื่องมาจากสมรรถภาพทางร่างกายที่ถดถอยลง และมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ง่ายกว่าคนวัยอื่น
ปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและการดูแล
1.ปัญหาภาวะสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความจำถือว่าเป็นปัญหาผู้สูงอายุลำดับต้นๆ ที่มักเกิดขึ้นกับคนวัยนี้เป็นส่วนใหญ่ เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการทำงานของสมองลดลง โดยเฉพาะความจำ ความคิด และการตัดสินใจ โดยภาวะสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้สูงอายุคือโรคอัลไซเมอร์ การดูแลผู้สูงวัยที่มีภาวะสมองเสื่อมเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ปัญหาผู้สูงอายุบรรเทาลงและให้ท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- อดทนและเข้าใจในอาการของผู้สูงอายุที่เป็น
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและคุ้นเคย
- ให้การสนับสนุนทางอารมณ์และความคิด
- ให้ความช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวันที่ผู้สูงอายุไม่สามารถทำเองได้
- ดูแลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยต่างๆ
2.ปัญหาการขาดสารอาหาร (ทุพโภชนาการ)
ปัญหาการขาดสารอาหารเกิดจากร่างกายได้รับสารอาหารที่ต้องการไม่เพียงพอ นับเป็นอีก 1 ปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ความยากในการบดเคี้ยวอาหาร อาการป่วยเรื้อรัง รวมไปถึงภาวะความเครียดทางด้านจิตใจ หากปล่อยให้ร่างกายขาดสารอาหารในระยะเวลานานจะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเพิ่มขึ้น จนอาจนำไปสู่ขั้นเสียชีวิตได้
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- ลดปัญหาผู้สูงอายุที่เกี่ยวข้องด้วยการปรับปรุงโภชนาการรวมถึงสนับสนุนการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
- จัดการปัญหาสุขภาพเรื้อรังต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับประทานอาหาร
- ลดความซึมเศร้าและความโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุซึ่งอาจส่งผลต่อความอยากอาหาร
- ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารทางการแพทย์เมื่อจำเป็น
3.ปัญหากระดูกพรุน
ภาวะกระดูกพรุน คือ ภาวะที่มวลกระดูกและความหนาแน่นของกระดูกน้อยลง ทำให้กระดูกอ่อนแอและเสี่ยงต่อการหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง และกระดูกข้อมือ อันเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นจนเกิดเป็นปัญหาของผู้สูงอายุนั่นเอง
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- ช่วยผู้สูงอายุในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรง
- สนับสนุนให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ช่วยผู้สูงอายุในการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- พาผู้สูงอายุไปตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกเป็นประจำ
4.ปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา
เนื่องจากวัยสูงอายุส่วนใหญ่ ล้วนมีปัญหาผู้สูงอายุอย่างโรคเรื้อรังหรือโรครุมเร้าที่จำเป็นต้องรักษา ซึ่งเกิดจากภูมิต้านทานและความแข็งแรงของร่างกายที่ถดถอยลงตามวัย ดังนั้นการรับประทานยาหรือใช้ยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น และเนื่องจากการใช้ยาเหล่านี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมา รวมไปถึงหากผู้สูงอายุจำเป็นต้องรับประทานยาเอง อาจเกิดการรับประทานยาผิดพลาดได้
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- จัดเตรียมยาให้แก่ผู้สูงอายุในทุกครั้ง
- เลือกใช้ยาในปริมาณที่เหมาะสม
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น
5.ปัญหาการกลั้นปัสสาวะและการขับถ่าย
การกลั้นขับถ่ายเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพโดยรวมได้ ปัญหานี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่และภาวะอุจจาระเล็ด
- ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ : ภาวะที่ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้
- ภาวะอุจจาระเล็ด : ภาวะที่ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายอุจจาระได้
ปัญหาการกลั้นขับถ่ายอาจส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุในหลายๆ ด้าน เช่น ความอับอายและสูญเสียความมั่นใจ, ปัญหาด้านสุขอนามัยและการติดเชื้อ
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- ช่วยเหลือผู้สูงอายุในการฝึกการขับถ่าย
- ช่วยเหลือผู้สูงอายุในการใช้ห้องน้ำ
- หากผู้สูงอายุรู้สึกเสียความมั่นใจ ควรให้กำลังใจและทำความเข้าใจ
6.ปัญหาการหกล้ม
ปัญหาผู้สูงอายุอย่างปัญหาการหกล้มเป็นปัญหาที่พบบ่อยและร้ายแรงในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงตามมา ไม่ว่าจะเป็น ความพิการหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ ซึ่งปัญหาผู้สูงอายุนี้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการหกล้ม ดังนี้
- ความเสื่อมของร่างกาย : กล้ามเนื้ออ่อนแรง การทรงตัวไม่ดี และการตอบสนองช้าลง
- โรคเรื้อรัง : โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน และโรคข้ออักเสบ
- การใช้ยาบางชนิด : ยาลดความดันโลหิต ยาแก้ซึมเศร้า และยานอนหลับ
- สิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย : พื้นลื่น ขั้นบันไดสูง และแสงสว่างไม่เพียงพอ
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- สังเกตอาการของผู้สูงอายุที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้ม
- ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมต่างๆ ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ให้กำลังใจและสร้างความเข้าใจแก่ผู้สูงอายุที่อาจกลัวการหกล้ม
- รีบไปพบแพทย์ทันที หากผู้สูงอายุหกล้มหรือมีอาการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้มได้
7.ปัญหาการนอนไม่หลับ
ปัญหาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุที่พบได้อยู่บ่อยครั้ง โดยมีผู้สูงอายุมากกว่า 50% ที่ประสบกับปัญหานี้ ซึ่งปัญหาผู้สูงอายุนี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งช่วยควบคุมการนอนหลับได้น้อยลง นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มที่จะตื่นบ่อยขึ้นในตอนกลางคืนและนอนหลับได้ไม่นานเท่าเดิม
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับ
- การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (CBT) เป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดที่ช่วยให้ผู้สูงอายุเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ
- ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งยาเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ อย่างไรก็ตาม ยานอนหลับควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย และควรใช้ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
- หากการนอนไม่หลับเกิดจากปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาปัญหาสุขภาพนั้นๆ เพื่อปรับปรุงการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น
8.ปัญหาทางด้านการได้ยิน
การสูญเสียการได้ยิน หรือผลกระทบทางการได้ยินต่างๆ ปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเสื่อมตามอายุทำให้ความสามารถทางการได้ยินลดลง หรือโรคบางชนิดและการใช้ยาในการรักษา อาการของการสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุอาจรวมถึงได้ยินเสียงเบาๆ, ฟังคำพูดไม่เข้าใจ, ขอให้คนอื่นพูดซ้ำบ่อยๆ เป็นต้น
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- ใช้เครื่องช่วยฟัง เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินสามารถได้ยินได้ดีขึ้น
- ช่วยสอนผู้สูงอายุในการฝึกพูดและการอ่านปาก ทำให้สามารถสื่อสารได้ดีขึ้นได้
9.ปัญหาทางด้านการมองเห็น
ผู้สูงอายุมักประสบปัญหาทางด้านการมองเห็นเนื่องจากการเสื่อมสภาพของระบบการมองเห็นตามวัย เช่น โรคต้อหิน โรคเบาหวานขึ้นตา ต้อเนื้อและต้อกระจก สายตายาวตามวัย เป็นต้น ปัญหาผู้สูงอายุนี้ส่งผลกระทบต่อตัวผู้สูงอายุเอง ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ปกติ
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- ควรมีการตรวจตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อจะได้พบปัญหาทางการมองเห็นตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- การรับประทานอาหารที่ดีต่อสายตา เช่น วิตามิน A, C, E และสังกะสี สามารถช่วยป้องกันปัญหาการมองเห็นได้
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และควบคุมความดันโลหิตเพื่อป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตาและต้อหิน
- การสวมแว่นตาที่เหมาะสมตามการวัดสายตาของผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้การมองเห็นชัดเจนและลดอาการปวดตาได้
10.ปัญหาอาการซึมเศร้า
ภาวะซึมเศร้าเป็นภาวะสุขภาพจิตที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาของผู้สูงอายุในปัจจุบันส่วนใหญ่ โดยมีอาการหลักๆ ได้แก่ ความเครียด ความเศร้า ความสิ้นหวัง และการสูญเสียความสนใจในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพโดยรวมของผู้สูงอายุ ทั้งนี้สาเหตุของภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุนั้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ
วิธีการดูแลผู้สูงอายุ
- ช่วยให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น
- สนับสนุนให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายเป็นประจำ เนื่องจากสามารถลดอาการซึมเศร้าได้
- สนับสนุนให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
แนะนำวิธีจัดการกับความเครียดให้แก่ผู้สูงอายุ สามารถช่วยลดความเสี่ยงปัญหาผู้สูงอายุอย่างภาวะซึมเศร้าได้
ปัญหาผู้สูงอายุกับแนวทางแก้ไขนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเรียนรู้และให้ความสำคัญสำหรับบุคคลที่มีผู้สูงอายุอยู่ในครอบครัว เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ลดโอกาสในการเกิดปัญหาของผู้สูงอายุลงได้ การใส่ใจดูแลผู้สูงอายุก็เช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้คนที่เรารักมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม
Ref : https://www.nakornthon.com/Article/Detail/ปัญหาของผู้สูงอายุที่พบบ่อย-หากปล่อยไว้กระทบคุณภาพชีวิต
https://kbkjclinic.com/elderly-care
https://www.dop.go.th/th/know/15/415
https://www.nurs.chula.ac.th/images/2019/announcement/คมอเรยนรเขาใจวยสงอาย.pdf